วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

เทรดsหุ้น Forex ตามข่าวเป็นอย่างไร

การเทรดหุ้น Forex ตามข่าว คือ อะไร

ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เป็นเรื่องที่สำคัญในการลงทุนในตลาดหุ้น Forex เพราะตลาดอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนและอ่อนไหวต่อข่าวสารอย่างมาก หากนักเทรดหุ้น Forex ละเลยซึ่งข้อมูลข่าวสารตรงนี้ไป ก้มหน้าก้มตาดูแต่ข้อมูลทางเทคนิคจากกราฟเพียงอย่างเดียว อาจทำให้ไม่ทันคนอื่นๆ สัญญาณซื้อขายที่ได้จากการวิเคราะห์ตลาดหุ้น Forex ทางเทคนิคจะมาช้ากว่าเสมอ เพราะเป็นการนำข้อมูลในอดีต ซึ่งผ่านมาแล้ว นำมาสร้างเป็นกราฟเพื่อใช้ดูแนวโน้มอีกที ฉะนั้นแล้ว นักเทรดหุ้น Forex ที่ดี ควรมีการผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์ข่าวสารทางเศรษฐกิจกับแนวทางการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างลงตัว เพื่อที่จะได้ทันต่อทุกสถานการณ์ พูดง่ายๆก็คือ ให้มันมีหลายกระบวนท่าหน่อย ถึงตลาดหุ้น Forex จะพยายามอัดเราอย่างไร ก็จะได้มีกระบวนท่าไว้ตั้งรับ ไม่ล้มหมดตัวง่ายๆนั่นเอง



นักลงทุนสามารถใช้บริการในส่วนของข่าวเด่นได้ โดยพวกเขาสามารถค้นหาข่าวรายวันที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญๆที่เกิดขึ้นในโลกแห่งการเงิน รวมไปถึงข่าวที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มของตลาด คู่สกุลเงิน ความเคลื่อนไหวในตลาดหลักทรัพย์ การคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ สถิติของดัชนีและตัวชี้วัดต่างๆตามช่วงระยะเวลา การเงินระดับสูง กระแสการควบรวมกิจการ การลงทุน ข่าวต่างๆจากทวีปยูโรโซน และข่าวอื่นๆอีกมากมายได้ในส่วนข่าวเด่น

ข่าวเด่นในที่นี้คือข่าวที่มีความน่าเชื่อถือ เกิดขึ้น ณ เวลาปัจจุบัน และเป็นข่าวที่มีความสำคัญซึ่งเกิดในพื้นที่ต่างๆทั่วโลก ซึ่งข่าวพิเศษในส่วนนี้อาจช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกกระบวนการในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานของนักลงทุนได้ด้วย

ในช่วงเวลาที่มีการประกาศข่าวสำคัญๆ มักจะเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด กราฟจะวิ่งเร็วและแรงมากที่สุดด้วย นักเทรดหุ้น Forex ส่วนใหญ่นิยมเข้าไปเก็งกำไรในช่วงเวลาดังกล่าว ถึงขนาดมีการเปิดสอนเทคนิค “การเทรดหุ้น Forex ตามข่าว” ซึ่งใช้เทรดเฉพาะช่วงเวลาข่าวสำคัญเลยทีเดียว นั่นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำเงินจากตลาด Forex แต่ไม่ใช่สำหรับผม เพราะมันเสี่ยงเกินไปในสายตาของผม เทคนิคส่วนตัวเกี่ยวกับการเทรด Forex ตามข่าวของผม มีเพียงการใช้ข่าวสารทางเศรษฐกิจ เพื่อดูประกอบกับแนวทางการวิเคราะห์ทางเทคนิคในภาพรวมใหญ่ก็เท่านั้น ผมจะไม่พยายามเข้าไปเดิมพันในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะมันอยู่ในช่วง 50/50 เราควรเทรด Forex เมื่อเราพิจารณาเห็นโอกาสแล้วว่า มันไม่ได้เป็น 50/50 เราจึงค่อยเอาเงินที่มีค่าของเราเข้าไปเสี่ยง อย่างนี้จึงจะถูกต้อง ถูกต้อง

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

ค่าคอมมิสชัน (Commission) ในการเทรดหุ้น Forex

ค่าคอมมิสชัน ในการเทรดหุ้น Forex

Forex คืออะไร?
ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสากล Foreign Exchange Market เรียกโดยย่อว่า FOREX, Retail forex,FX หรือ Spot FX เป็นสถาบันตลาดการเงินที่ใหญ่สุดในโลก ด้วยปริมาณการซื้อขายเกิน 4 ล้านล้านเหรียญต่อวัน



โบรคเกอร์ หุ้น forex ได้โฆษณามันเป็นยังไง
อันที่จริงการเทรดหุ้น forex นั้นต้องเสียค่าใช้จ่าย ถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับการซื้อขายหุ้น หรือกองทุนในบ้านเราซึ่งมีค่าคอมมิสชันจะอยู่ที่ประมาณ 0.2% ของมูลค่าที่ทำการเทรด ดังนั้นการที่โบรคเกอร์ forex ส่วนใหญ่ ทำการตลาดโดยอ้างว่า ฟรีค่าคอมมิสชัน ที่จริงแล้วมันไม่จริงทั้งหมด และอาจทำให้เข้าใจผิดได้ ในตลาด forex นั้น คล้าย กับตลาดอื่น ๆ นั้นคือมีการตั้งซื้อ (Bid) และตั้งขาย (Ask) ราคาตั้งซื้อคือราคาที่เราสามารถขายได้ในขณะนั้น ส่วนราคาตั้งขายก็คือราคาที่เราสามารถซื้อได้ในขณะนั้น ผลต่าง ระหว่างราคาตั้งซื้อ และตั้งขาย นั้นเรียกว่า Spread ยกตัวอย่าง EUR/USD ราคา Bid ที่1.4156 และ Ask ที่ 1.4159 ดังนั้นค่า Spread ของ EUR/USD จะเท่ากับ 0.0003 หรือ 3 PIPS ถ้าเราทำการเปิด Order ทำการซื้อขณะนั้น เราจะซื้อได้ที่ 1.4159 และ Transaction ของเราจะขึ้นเป็น -3 PIPS ทันที ถ้าเราปิดออร์เดอร์ขณะนั้นโดยอัตราแลกเปลี่ยนยังไม่เปลี่ยนแปลงเราจะขายได้ที่ 1.4156 และขาดทุนทันที 0.0003 หรือ 3 PIPS จะเห็นได้ว่า ถ้ายิ่ง Spread กว้างมาก เราก็จะต้องจ่ายส่วนต่างนี้มากขึ้นไปด้วย ส่วนต่างตรงนี้เองที่ส่วนหนึ่งเป็นรายได้ของโบรคเกอร์ และเรา หรือผู้เทรดจำเป็นจะต้องจ่ายทุกครั้งที่เปิด Order ทำการเทรด บางคนอาจจะเห็นว่า เสียแค่ 0.0003 จากราคาประมาณ 1.4 นั้นไม่เท่าไหร่เอง ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นก็แค่ประมาณ 0.03% เอง แต่อย่าลืมนะครับว่าการเทรด Forex นั้นมีระบบ Leverage ถ้า Leverage ที่ 1:100 นั้นก็เสมือนว่าเราส่งคำสั่งซื้อด้วยเงินทุน 100 เท่าจากเงินทุนจริงของเรา ดังนั้นถ้าเทียบกับเงินทุนจริงของเรา มันจะไม่ใช่ 0.03% แต่มันจะเป็น 3% นั้นเอง หรือถ้าเทรดในระบบLeverage 1:500 จำนวนเงินตรงนี้ก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีกเป็น 15% ของเงินทุนจริงของเรา ว่ามันแพงหูฉี่เลยทีเดียว

ข้อดีของการเล่นหุ้น FOREX

- มีพอร์ทจำลอง DEMO ให้คุณทดลองเทรด มีเงินทุนให้นักลงทุนซ้อมเทรด 100,000 $ Leverage 1:2000 โดยแค่กรอกชื่อ-นามสกุล และ email เท่านั้นคุณก็สามารถ Downlond พอร์ท Demo มาซ้อมได้แล้ว เปิดพอร์ท Demo ใช้เงินปลอมคุณจะใช้เวลาทดลองเทรด กี่เดือน กี่ปี ก็ย่อมได้จนกว่าคุณจะเข้าใจ forex หมั่นฝกฝน หาความรู้ตามเว็บต่าง ๆ หาเทคนิคที่คุณชอบเทรดทีไรก็ได้ไว้เป็นอาวุธของคุณ หรือถามคนที่รู้ ที่มีประสบการณ์ในการเทรด forex

- การโอนเงินเข้าพอร์ทง่ายและเร็ว โดยฝากเงิน ถอนเงิน ผ่าน E-currency , Internet Banking, 7-11 และอื่น ๆ อีกมากมาย หรือช่องทางอื่นก็ได้

- อารมณ์และความรู้สึกในการเทรดเงินจริงแตกต่างกับเงินปลอมโดยสิ้นเชิง คุณยังควบคุมอารณ์ไม่ได้ห้ามยังไม่สมควรลงทุนมากเพราะจะทำให้เงินในพอร์ทคุณเสียหายได้

- การโอนเงินกลับก็ง่ายและรวดเร็วเช่นกันบางโบรกเกอร์ใช้เวลาไม่ถึงนาทีเงินก็กลับมาเข้าบัญชีคุณแล้ว หากให้แนะนำก็มี EXNESS ที่โอนเงินได้ทันใจ คุณโอนกลับมาใช้ทุกวันก็ได้ ส่วนโบรกอื่นก็อาจภายใน 24 -48 ช.ม. แต่อย่างไงก็ได้เงินหากคุณต้องการถอน

- เงินทุนในการเริ่มต้น 1 - 10 $ และคุณไม่เคยเทรดเงินจริง ห้ามลงทุนเกิน 10 $ ถึงแม้ว่าคุณจะเทรด DEMO ชำนาญแล้ว ที่บอกแบบนี้เพราะเป็นห่วง -

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

ทำกำไรอย่างยั่งยืนกับการเทรด Forex

เทรด Forex กำไรยั่งยืนได้อย่างไร

มักจะมีการคุยกันในวงการนักลงทุนด้านการเงินในตลาดอื่น ว่าการเล่นForex นั้นไม่ค่อยมีคนสามารถหาเงินหรือทำกำไรในตลาดนี้มากสักเท่าไหร่ นั่นอาจจะเป็นความเชื่อหรือเรื่องที่พูดต่อๆกันไปที่เข้าใจกันไปเองว่าการเล่นเทรดForex นั้นไม่ยั่งยืน เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงมีนักลงทุนในเทรดForex หลายคนมากที่ประสบความสำเร็จในวงการนี้แต่ไม่ได้เปิดเผยตัว โดยเทคนิคที่พวกเขาเหล่านั้นสามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนกับ Forex นั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากนักลงทุนForex อื่นๆทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด คือ ความอดทนและการตัดสินใจ .... วันนี้ผู้เขียนจะขอนำบทความเกี่ยวกับการเทรด Forex กำไรยั่งยืน มาฝากนักลงทุนให้ได้อ่านกัน

- กำหนดต้นทุน ขาดทุน กำไร ในแต่ละวันให้ชัดเจน วิธีนี้เป็นการควบคุมให้คุณไม่เจ็บตัวมากจนเกินไป โดยการคุมต้นทุนการเล่นในแต่ละวันว่าหากเราเสียเราจะไม่เสียเกินเท่าไหร่หรือเวลาที่ได้เงินเท่าไหร่แล้วจึงควรจะพอเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกครอบงำด้วยเงินมากเกินไป จงจำไว้ว่าให้เราเล่นเงิน ไม่ใช่เงินเล่นเรา

- เทคนิคเรื่องเวลา ด้วยความที่ตลาด Forex แต่ละตลาดจะเปิดในเวลาที่ไม่เท่ากันและการเฝ้าหน้าจอทั้งวันเป็นการทำที่เสียเวลา อีกทั้งยังทำให้คุณได้รับข้อมูลข่าวสารมากเกินไปจนรู้สึกสับสน ดังนั้น ห้ามนั่งเฝ้าหน้าจอ แต่ให้เลือกช่วงเวลาที่ชัดเจนเพื่อการเทรด Forex โดยเฉพาะ เช่น เลือกเวลา 22.00 – 24.-00 ในทุกๆวันเพื่อการเทรด การเลือกช่วงเวลาเช่นนี้จะช่วยให้คุณมีข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้นและนั่นช่วยให้คุณทำกำไรจากการเทรดได้มากขึ้น

- เลือกคู่เงินเพื่อเทรดเพียงคู่เดียว ทำการเทรดคู่เงินเพียงคู่เดียวเพื่อให้เกิดความชำนาญในคู่เงินตัวนั้นๆ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณรู้ลึก รู้ละเอียดเกี่ยวกับคู่เงินตัวใดตัวหนึ่งไปเลย ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้คุณเทรด Forex กำไรยั่งยืนกว่าการจับคู่เงินหลายคู่ เพราะหลายคู่นั้นหมายถึงข้อมูลที่มากขึ้น ทำให้เกิดความสับสนและสุดท้ายก็เสียประโยชน์ไปทั้งหมดเนื่องจากไร้ความชำนาญในทุกคู่เงิน

- เครื่องมือช่วยเหลือสำหรับการเทรด นักลงทุนForex ส่วนมากนิยมใช้เครื่องมือสำหรับการเทรดโดยชุดเครื่องมือที่สำคัญ ได้แก่ EMA , MACD , Fibonacci , Rsi ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุน FBS มีความชำนาญด้านการวิเคราะห์เพื่อการเทรดให้กับคุณได้มากขึ้น เมื่อได้เครื่องมือมา ให้ทำการทดสอบว่าเครื่องมือตัวไหนที่ช่วยเราได้มากกว่า คือ เราใช้เครื่องมือตัวใดแล้วรู้สึกว่าอ่านง่ายกว่า ถนัดกว่าและช่วยในการวิเคราะห์ที่แม่นยำกว่า ให้เลือกใช้ตัวนั้น

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

ก่อน การเล่นหุ้น ต่างๆ ควรเตรียมตัวให้ดี

ก่อนลงทุน การเล่นหุ้นต่างๆ ควรเตรียมตัวให้ดีเสียก่อน

ขึ้นชื่อว่าการลงทุนนั้นล้วนแต่มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจของตนเอง , การลงทุนผ่านธนาคาร ร่วมไปถึงการเล่นหุ้น ก็นับว่ามีความเสี่ยงมากน้อยไม่แพ้กันเลยสักนิดเดียว ดังนั้นก่อนจะทำการลงทุนควรจะศึกษาการเล่นหุ้นอย่างเชียวชาญเสียก่อน ไปจนถึงประเภทของหุ้น และประเภทของนักลงทุนต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะนอกจากเราจะได้เปรียบเรานักลงทุนคนอื่นๆ แล้ว ยังสามารถรู้ทันตัวเองได้เป็นอย่างดีว่าชอบการลงทุนในรูปแบบใดได้ โดยสิ่งต่างๆ ที่ควรจะต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัวก่อนจะลงทุนมีดังต่อไปนี้


1.ควรศึกษาหุ้นที่เราต้องการลงทุน หากเราต้องการจะลงทุนกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เราต้องจำเป็นที่จะศึกษาเงื่อนไขต่างๆ ที่บริษัทนั้นๆ ระบุเอาไว้ภายในตัวหุ้นให้ดีเสียก่อน เช่น การหาข้อมูลของกิจการที่เป็นคนถือหุ้นตัวนั้นว่าทำอะไรบ้าง หรือศึกษาจุดสำคัญต่างๆ ที่หุ้นตัวนี้เด่นชัดมากที่สุด เพื่อจะได้วิเคราะห์ในอนาคตว่าหุ้นตัวนี้อีกหลายปีจะเดินไปในทิศทางใดได้บ้าง

2.เราถามใจตัวเองว่าชอบอย่างไร เรียกได้ว่ากระบวนการนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างที่สุดแล้ว เพราะนอกจากจะช่วยให้เรารู้ทิศทางและเป้าหมายของตนเองในการลงทุนได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังสามารถช่วยให้เราไม่ต้องลงทุนตามใครหรือนักเลงหุ้นต่างๆ เพราะข้อเสียจากการลงทุนตามผู้อื่นนอกจากจะไม่มีอิสระในการตัดสินใจแล้ว ยังมีส่วนให้มีความหนักใจเมื่อต้องตัดสินใจอะไรบ้าง เช่น การขายหุ้น เป็นต้น

โดยที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นนับว่าเป็นแบบอย่างในการเตรียมตัวที่ดีเยี่ยม และนักลงทุนมือใหม่ทุกคนควรจะศึกษาเอาไว้ และจำเป็นต้องพยายามคิดตามอย่างต่อเนื่องอีกด้วย โดยทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างตลอดเวลา ทำให้เหล่านักลงทุนต่างๆ ต้องหมั่นวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นนักเล่นหุ้นอันดับต้นๆ ของโลกนั้นเอง



นักลุงทุนทั้งหลายจะรู้จักกันดีว่ารูปแบบของหุ้นนั้นสามารถลงทุนได้อย่างหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะเหล่านักเลงหุ้นที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการวิเคราะห์ในแต่ละรูปแบบของหุ้นได้เป็นอย่าง ซึ่งแน่นอนว่ารูปแบบที่ไม่เหมือนกันในแต่ละประเภทจึงทำให้การวิ่งหรือขึ้นลงของหุ้นจะแตกต่างกันไป ดังนั้นหากใครที่ไม่ทราบถึงแต่ละประเภทของหุ้นก็จะทำให้ไม่กล้าที่จะตัดสินใจลงทุนเอง และทำได้เพียงลงทุนตามบุคคลอื่นๆ เท่านั้น รวมไปถึงอาจจะไม่ทราบถึงรูปแบบในการลงทุนที่ตนชอบและต้องการได้จริงๆ อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้รู้ทันรูปแบบของหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างตลอดเวลาเป็นอย่างดี โดยก่อนอื่นผู้ที่จะเล่นหุ้นต้องถามตัวเองให้ดีเสียก่อนว่าชอบรูปแบบของการลงทุนในรูปแบบใด เพราะในแต่ละประเภทจะมีทั้ง ถือหุ้นระยะยาว , การเก็งกำไร , การถือหุ้นในระยะสั้นๆ เน้นผลประโยชน์ที่รวดเร็วเป็นต้น ซึ่งในตลาดหลักทรัพย์ส่วนจะสามารถแบ่งประเภทของหุ้นได้มากถึง 7 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน และถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทเดียวกันแต่ไม่จำเป็นต้องมีหุ้นประเภทเดียวเท่านั้น โดยบริษัทหนึ่งสามารถมีหลายประเภทได้ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้

1.Cyclical Stock เป็นรูปแบบหุ้นที่น่าท้าทายอย่างมากที่สุด เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบความท้าทายและความตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะหุ้นในประเภทนี้จะให้ผลตอบแทนและกำไรที่สูงมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสขาดทุนได้ทุกเวลา แต่ก็มีการเติบโตของหุ้นที่รวดเร็วและต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

2.Value Stock เป็นประเภทของการเล่นหุ้นที่น่าลงทุนและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด และนักลงทุนจำนวนมากต่างก็ต้องการอย่างสูง แต่นับว่าหาได้น้อยเหลือเกินในปัจจุบันนี้ โดยรูปแบบ Value stock นั้นมีราคาหุ้นที่ไม่พุ่งแรงเหมือนหุ้นอื่นๆ แต่ก็มีการเติบโตในทุกๆ ปี สามารถถือได้ในระยะยาวเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยงเป็นอย่างดี

3.Blue Chip นับว่าเป็นหุ้นที่เหล่านักลงทุนทั้งหลายชอบเป็นพิเศษ เพราะมันมีความมั่นคงในระดับที่สูง ไม่ต้องคอยกังวลว่าหุ้นจะวิ่งลงอย่างไม่ทันตั้งตัวได้ อีกทั้งยังมีการปันผลอย่างสม่ำเสมอเป็นพิเศษ

cr.www.peacearch.com

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

ลงทุนในหุ้น ฉบับ “มนุษย์เงินเดือน”

ลงทุนในหุ้น ฉบับ “มนุษย์เงินเดือน” ทำอย่างไร?

การลงทุนในหุ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น “การเล่นหุ้น” เป็นสิ่งที่ “มนุษย์เงินเดือน” มองว่ามันเป็นความหวังและทางออกของอิสรภาพทางการเงิน แต่ถ้าไปถามเรื่องราวของหุ้นกับผู้ใหญ่ในรุ่นก่อนหน้าเรา โดนเฉพาะผู้ที่ผ่านวิกฤตการต้มยำกุ้ง เขาอาจจะให้ความเห็นแตกต่างกับเราไปในทำนองว่า หุ้นมันคือการพนัน อย่าเล่นเลย มันน่ากลัว อันตราย และจะบรรยายเหตุการณ์ที่มีคนพยายามฆ่าตัวตาย ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ ม.3-ม.4 ได้ เวลาไปไหนต่อไหนก็จะมีแต่คนพูดเรื่องนี้ ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจหรอก เวลานั่งแท็คซี่พี่คนขับก็บรรยายให้ฟังเพราะว่าหลายคนทำงานประจำอยู่ เช่น ในภาคธนาคาร สถาบันการเงิน แต่ถูกปลดจากงานทั้งๆที่มีภาระหนี้ ต้องมาขับแท็คซี่เพื่อหารายได้แทน


ลาออกจากมนุษย์เงินเดือนมาเล่นหุ้นดีไหม?
ผมเชื่อว่าหลายคนมีความคิดเช่นนี้ โดยเฉพาะในช่วงหุ้นที่มีราคาปรับตัวสูงขึ้นอยู่ต่อเนื่อง แน่สิ!!! แค่พูดถึงงานประจำยังอยากลาออกเลย พอคนเอาเรื่องการสร้างรายได้ด้วยการลงทุนในหุ้นมาใส่สมองแล้วยิ่งอยากลาออกเข้าไปใหญ่ งานอะร๊ายยย!!! นั่งอยู่กับบ้านกระดิกขา กดปุ่ม “Buy” หุ้นขึ้นๆๆๆ กดปุ่ม “Sell” ขาย ลงทุนซัก 100,000 บาท ขายตอนกำไรซัก 1-2% พอ ถ้าได้กำไรมาวันละ 1,000 – 2,000 บาท คิดไปคิดมา เทรดจันทร์ถึงศุกร์ 22 วันได้เดือนละ 44,000 บาท ได้เงินเดือนกว่าการทำงานประจำอีก และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำให้มีนักลงทุนหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายเข้ามาศึกษาการเล่นหุ้น สร้างผลกำไร และหลายคนเข้ามาอยู่ในตลาดหุ้นแล้วก็พบว่า ในความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

“การออมหุ้น” เหมาะสมกับชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างไร?
หลายคนอยากจะสร้างความมั่งคั่งก็เลยลงมาการลงทุนในหุ้นเต็มตัว แบบเอาเป็นเอาตายเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ค้างไว้กะเทรดในเวลาทำงานก็มี ซึ่งผมเคยเห็นอยู่ไม่น้อยนะครับ เดี๋ยวนี้แอบเปิด iPad เล่นไม่ให้เจ้านายเห็นด้วย อิอิ เรื่องนี้มันจะทำให้เราถูกลดความมั่งของตัวเองได้อย่างง่ายๆ ในฐานะการเป็นมนุษย์เงินเดือนเองนั้นเราจะต้องให้เวลากับการทำงานของบริษัทให้มาก การที่มานั่งเล่นเทรดหุ้นก็อาจจะทำให้งานเสียได้ พองานเสียก็จะมีผลต่อการประเมินผลการทำงาน หรือถ้าหากคุณเทรดไปทำงานไปแล้วให้เวลากับการทำงานมากกว่า คุณอาจจะเสียเงินจากการเทรดก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้วภาระกิจแรกของการไปสู่อิสรภาพจากการลงทุนคืออิสรภาพจากการห่างหน้าจอก่อน

cr.www.aommoney.com/

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

ฝึกเล่นหุ้น อย่างไรหุ้นให้รวย

ฝึกเล่นหุ้น อย่างไรหุ้นให้รวย

1.ท่านควรฝึกเล่นหุ้นที่มีลักษณะของการทำธุรกิจแบบผูกขาด หรือเป็นผู้นำในตลาด… ดำเนินธุรกิจในตลาดแบบผูกขาด แบบผู้ขายน้อยราย แบบกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด …ไม่ใช่ดำเนินธุรกิจในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ เพราะหุ้นแบบที่กล่าวไปจะมีกำไรสุทธิต่อยอดขายสูง มีปันผลในอัตราสูง หรือหากปัจจุบันยังไม่มีเงินปันผล แต่หากในอนาคตไม่มีใครจะเข้ามาแข่งขัน (ผูกขาด) ก็หมายความว่าหุ้นนี้จะราคาสูง ถึงแม้ว่าจะได้ปันผลต่ำ แต่ในระยะยาวจะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น และจะได้ปันผลสูงในอนาคต อย่าง PTT, PTTEP เป็นต้น



2.ถ้าเป็นผม ผมจะเล่นหุ้นที่เตรียมตัวจะทะยานขึ้น ผมมักจะเล่นหุ้นที่มีลักษณะตามข้อ 1) คืออาจจะขาดทุนแต่เริ่มกำไร จากกำไรแล้วเริ่มเติบโตอย่างมั่นคง หุ้นลักษณะแบบนี้จะราคาถูกในตอนต้น หากถือไว้จะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นเป็นอย่างมาก

3.นอกจากการเล็งหุ้นตามข้อ2) ผมยังรู้ว่าหุ้นทุกตัวนั้นจะมีวงจรชีวิต ดังนั้นผมจะซื้อหุ้นตอนที่หุ้นฟื้นคืนชีพจากจุดต่ำสุด คือธุรกิจเริ่มฟื้นตัว มีกำไร แต่ยังขาดทุนสะสม หุ้นลักษณะนี้ราคาจะต่ำ เหมาะแก่การลงทุนในระยะกลาง …ท่านจะได้กำไรมาก

4.เนื่องจากจำนวนหุ้นมีมากมายหลายร้อยตัว ผมจึงเฝ้าดูการซื้อขายของหุ้นแต่ละตัวในทุกวัน โดยดูจากข้อมูลในหนังสือพิมพ์ หรือจากแหล่งอื่นใด ผมจะดูให้รู้ว่า มีใครแอบไปเก็บหุ้นเอาไว้ในหน้าตักของตัวเองบ้าง เพราะก่อนการขึ้นของราคาหุ้นจะมีไอ้โม่งมาแอบเก็บของเสมอ

5.ก่อนจะไปฝึกเล่นหุ้นในขั้นตอนต่อไป ผมคงบอกกับท่านว่า พอผมเอะใจว่ามีคนเก็บหุ้นตัวนี้ ผมจะเริ่มดูว่าหุ้นนี้มีใครเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่บ้าง รายย่อยถือจำนวนเท่าใด …งานนี้ผมต้องรู้ให้ได้ว่ารายใหญ่จะเก็บของกันวันละเท่าไร และเก็บนานกี่วัน …อย่างหุ้น 300 ล้านหุ้น หากมีรายย่อยถือ 30 ล้านหุ้น อาจมีปริมาณการซื้อขาย 2 ล้านหุ้น/วัน โดยที่ราคายังไม่เปลี่ยนแปลง ไอ้ปริมาณ 2.0 ล้านหุ้นที่ซื้อขายกันต่อวัน รายใหญ่อาจเก็บของ (หุ้น) ได้ประมาณซัก 30% ของ 2 ล้านหุ้น ท่านก็ลองคำนวณดูซิครับว่า จะต้องเก็บของกันกี่วัน ท่านเห็นว่ามีสัญญาณแบบนี้ ท่านก็กระโดดเข้าไปซื้อเลยครับ

6.การกระโดดเข้าไปซื้อเป็นเพราะ 1) มีสัญญาณการเก็บของชัดเลย + 2) หุ้นมีพื้นฐานดี + 3) หุ้นมีโอกาสกำไรสะสม + 4) หุ้นมีโอกาสปันผลสูง

7.หลังจากซื้อแล้ว รอเวลาให้หุ้นขึ้น แล้วขายในราคาที่ท่านพอใจ

8.ราคาหุ้นขึ้นเท่าไรจึงจะขายเป็นปัญหาของนักลงทุนทุกคน เพราะส่วนใหญ่มักจะขายเร็วไป …หุ้นยังวิ่งขึ้นไปต่อ …งานนี้ขอแนะนำให้ทดลองทวนกระแสนักวิเคราะห์หุ้นดู ถ้านักวิเคราะห์บอกว่าให้ขาย ลองไม่ขาย อาจจะรวยได้ แต่ถ้าขายก็อาจจะเจ็บใจนักวิเคราะห์ (สาเหตุเป็นเพราะ กราฟที่แสดงข้อมูลทางเทคนิค รายใหญ่สามารถสร้างได้ จะให้เป็นเส้นอะไร บอกสัญญาณอะไร เป็นเรื่องที่หมูเหลือเกิน)