วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หลักการสำหรับนักลงทุน นักเล่นหุ้น

4 หลักการสำหรับนักลงทุน และความพร้อมในการเล่นหุ้น

การลงทุน เล่นหุ้น สำหรับนักลงทุน ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมืออาชีพ ล้วนต้องทราบหลักการพื้นฐานในการลงทุน พื้นฐานการลงทุน หุ้น เป็นสิ่งที่ต้องทราบเพื่อช่วยให้นักลงทุนทราบในข้อที่ควรรู้และข้อผิดพลาดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับกับการลงทุน ในความเป็นจริงแล้วการลงทุนไม่ว่าจะในรูปแบบใดตามก็ตามล้วนมีความเสี่ยงทั้งสิ้น ดังนั้นนักลงทุนจึงควรทราบหลักการพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับการลงทุนก่อนเพื่อให้การลงทุนประสบความสำเร็จ

1.ใจในเวลาที่เหมาะสม
สำหรับนักลงทุน หุ้น จะต้องมีความกล้าในการตัดสินใจลงทุน และจะต้องมีความรู้ ความเข้าในในหลักการพื้นฐานของการลงทุนเพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านการลงทุนเมื่อพบเจอข้อผิดพลาด ขาดทุน ไม่ได้กำไรในการลงทุนก็จะเข้าใจและไม่เสียกำลังใจและความตั้งใจในการลงทุนให้ลดน้อยลงไป รวมถึงยังมีกล้าสามารถลงทุน หุ้น ต่อไปได้อีกด้วย

2.จับจังหวะตลาด
การจับจังหวะตลาด คือการติดตามสถานการณ์และสภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดอยู่เสมอ ซึ่งการจับจังหวะตลาดนั้นเป็นหลักการพื้นฐานของการลงทุนที่นักลงทุน หุ้น ต้องคำนึงอยู่เสมอ นักลงทุนควรจะมองสถานการณ์ตลาดที่ต้องการลงทุนโดยให้ความสำคัญและกำหนดเป้าหมายในการลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนในระยะยาว และความเสี่ยงในการลงทุนของนักลงทุน หุ้น สามารถยอมรับได้ กระจายความเสี่ยง

การกระจายความเสี่ยง เป็นคำที่มักได้ยินอยู่เสมอเมื่อมีการลงทุน หุ้น เกิดขึ้น เพื่อสร้างโอกาสในการได้รับกำไรจากการลงทุน โดยการกระจายความเสี่ยงสามารถทำได้โดยการนำเงินลงทุนไปกระจายการลงทุนในสินทรัพย์อื่น พร้อมๆ ไปกับการลงทุน หุ้น อาทิ เงินฝาก ตราสารหนี้ การลงทุนในทองคำ การกระจายความเสี่ยงช่วยลงความเสี่ยงในการลงทุน

3.รู้จักวางแผน
นักลงทุน หุ้น จะต้องคำนึงถึงหลักการพื้นฐานคือ ต้องรู้จักวางแผนโดยเริ่มจากการมีความรู้ และสะสมประสบการณ์จากการหาตำรา และการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน เพราะการลงทุนของผู้ประสบความสำเร็จนั้นจะยอมรับในความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ในทางตรงกันข้ามจะได้รับผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งถือเป็นข้อดีในการลงทุน หุ้น ที่มักถือ หุ้น ระยะยาวเพื่อให้เงินทำงาน ดังนั้นในการลงทุนของนักลงทุน หุ้น ต้องมีการวางแผนเสมอ

4.การลงทุน
การลงทุนด้วยการตัดสินใจที่เด็ดขาดและเหมาะสม ถือเป็นนิสัยที่น่านับถือและชื่นชมของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในการเล่น หุ้น ซึ่งเชื่อว่าหลายคนที่อยากเป็นนักลงทุน หุ้น แต่ผลัดวันประกันพรุ่งด้วยหลายเหตุผลไม่ว่าจะเป็นปัญหาเงินลงทุน ความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับ หุ้น และการยอมรับในความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นเมื่อลงทุนไม่ได้ หลักการพื้นฐานของการลงทุน หุ้น ก็คือเริ่มที่จะลงทุนอย่างความมั่น

ความพร้อมในการเล่นหุ้น
การเริ่มเล่นหุ้นนั้น จะต้องรู้ตัวเองก่อนว่ามีความพร้อมแค่ไหน กับการที่จะเข้ามาทำกำไรในตลาดหุ้นหรือตลาดการลงทุนแห่งนี้ ซึ่งสิ่งที่จะต้องรู้ตัวและต้องเตรียมในขั้นแรกๆ คือ เงินทุนสำหรับการเล่นหุ้นและความรู้ โดยเฉพาะความรู้ หากคุณไม่ยอมศึกษาวิธีหรือหลักในการเล่นหุ้น หรือมีแต่ไม่พอ ก็ไม่ต่างอะไรกับการโยนเงินออกไปให้กับคนอื่นๆในตลาดหุ้นนั่นเอง








การเล่นหุ้นต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่
ในการเล่นหุ้นที่ถือเป็นการลงทุน นิ่งมีเงินทุนมากก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่สำหรับมือใหม่ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่หลักแสนก่อนก็ดี เพื่อเก็บความรู้และประสบการณ์ไปก่อน หากเก่งแล้วค่อยเพิ่มทุน ก็ยังไม่สายเกินไป ซึ่งความจริงแล้วการจะใช้เงินทุนเท่าไหร่ในการเล่นหุ้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่ารูปแบบการลงทุนเป็นแบบไหน ลงทุนในหุ้นตัวไหน หากมีเงินน้อยก็เริ่มจากลงทุนน้อยๆ ได้ แต่สำคัญที่ว่าเงินที่นำมาลงทุนในการเล่นหุ้นนี้ ต้องเป็นเงินเย็น คือเป็นเงินที่กันไว้จากเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันปกติ ซึ่งการเล่นหุ้นส่วนใหญ่จะเป็นการแบ่งเงินมาลงทุนมากกว่า

ในการเล่นหุ้นต้องรู้อะไรบ้าง
หลักในการเล่นหุ้น คุณจะต้องรู้ว่าสิ่งที่จะลงทุนคืออะไร และมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างไร ซึ่งก็คือ หุ้น และอย่าลืมว่าราคาของหุ้นนั้นสามารถขึ้นลงได้ตลอดเวลา ส่วนใหญ่ที่หุ้นจะขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของธุรกิจนั้นๆ ไม่ใช่เกิดจากการทำราคาหุ้นหรือปั่นราคาหุ้น เพราะถึงจะทำราคา มันก็จะกลับมาเคลื่อนไหวตามผลการดำเนินงานของธุรกิจอยู่ดี ควรศึกษาให้ลึกถึงขั้นรู้ความเป็นมาของหุ้นแต่ล่ะตัวว่า มันคือธุรกิจเกี่ยวกับอะไร มีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และมีเป้าหมายในอนาคตอย่างไร ฯลฯ แต่ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกตัว เลือกหุ้นที่คุณสนใจ และอยู่ในธุรกิจที่สามารถเข้าใจได้ดี แล้วเข้าซื้อขายให้ถูกจังหวะก็เพียงพอแล้ว

เล่นหุ้นต้องรู้ว่าตัวเองเหมาะกับอะไร
การเล่นหุ้นให้ได้เป็นผลดีกลับมานั้น จะต้องรู้ว่าตัวเองเหมาะกับการลงทุนแบบไหน ลงทุนสั้น กลาง หรือลงทุนระยะยาว ชอบแบบเน้นตั้งรับกินปันผล หรือ เชิงรุกแบบแนววิเคราะห์ ซึ่งการลงทุนเพื่อเล่นหุ้นแต่ละแบบจะมีวิธีการแต่ละแบบ ที่แตกต่างกัน

การเล่นหุ้นในแต่ละแบบก็จะมีทั้งข้อดีข้อเสียต่างกัน เช่นเล่นสั้นจะเห็นผลได้เร็วกว่าการลงทุนระยะยาว แต่ก็ต้องใช้การตัดสินใจที่บ่อยครั้งกว่า หรือใช้เวลาในการติดตามราคามากกว่าการเล่นหุ้นระยะยาว และที่สำคัญต้องรู้ว่า หากมีการเข้าซื้อวิธีไหนก็ขายออกด้วยวิธีนั้น

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทำไมผู้คนจึงเทรดค่าเงินของ การเทรด forex

ทำไมผู้คนจึงเทรดค่าเงิน?

  ต้นทุนการส่งคำสั่งต่ำ
ต้นทุนในการส่งคำสั่ง (Bid/Ask หรือ Spread) ซึ่งน้อยกว่า 0.1 เปอร์เซ็นต์ตามเงื่อนไขของตลาด สำหรับโบรกเกอร์ใหญ่ๆ Spread อาจจะน้อยถึง 0.07 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับ Leverage ที่เราใช้

Fibo Downtrend_1

เราไม่ต้องรอให้มีคนมาสั่นกระดิ่งเปิดตลาด ตลาดเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ตอนเย็นจนถึงวันศุกร์ตอนกลางวัน (เวลาสหรัฐฯ บ้านเราเริ่มตีสี่ของวันจันทร์-ตีสี่ของเช้ามืดวันเสาร์) ตลาด Forex นั้นไม่เคยหลับ ซึ่งเหมาะกับคนที่เทรดเป็นงานเสริม เพราะว่าเราสามารถเลือกได้ว่าเราอยากเทรดเมื่อไหร่ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน

Leverage (คาน)
ในการเทรด forex แม้เราจะฝากเงินเข้าเพียงน้อยนิด แต่เราก็สามารถถือครองสัญญาที่มีขนาดใหญ่กว่าเงินในบัญชีของเราได้ Leverage ให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรได้ในขณะที่มีความเสี่ยงของเงินทุนต่ำ

ไม่มีใครสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตลาดได้
ตลาดเทรดค่าเงินเป็นตลาดที่ใหญ่มากและมีนักเทรดมากมายหลายระดับอยู่ในตลาด ซึ่งไม่มีใคร (แม้แต่ธนาคารกลาง) ที่จะสามารถควบคุมราคาให้เคลื่อนไหวไปตามความต้องการของเขาได้

บัญชีเทรด Demo ข่าว กราฟและบทวิเคราะห์บริการให้
โบรกเกอร์ออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีบัญชี demo ให้ใช้ในการฝึกเทรด พร้อมกับบริการข่าวและกราฟรวมอยู่ในโปรแกรมเทรดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลที่คุณค่าสำหรับนักเทรดที่ "น่าสงสาร" และนักเทรดที่ชาญฉลาดที่อยากจะฝึกปรือฝีมือตัวเองในการเทรด ก่อนที่จะเปิดบัญชีเงินจริงและเสี่ยงในเงินจริงๆ

มีสภาพคล่องสูง
เพราะตลาดการเทรด Forex เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มากจึงทำให้มีสภาพคล่องสูงเช่นกัน หมายถึงภายใต้สภาวะตลาดปกติ เมื่อเราคลิกเมาส์ส่ง order เราจะสามารถส่งคำสั่งได้ทันที เราจะไม่ติดขัดในการเทรดไม่ว่าเราจะตั้งให้เปิด order แบบอัตโนมัติ เมื่อถึงราคาที่กำหนด (Limit order) หรือให้ปิด order อัตโนมัติ ถ้าราคาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด (Stop loss order)

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ศัพท์ที่ใช้ใน FOREX

ศัพท์ที่ใช้ใน FOREX

bursa

Transaction Cost
ค่า bid/ask หรือ spread นั้นก็คือ transaction cost เป็นค่าใช้จ่ายในการเทรดต่อครั้งนั่นเอง หนึ่งรอบจึงหมายถึงการซื้อ(หรือขาย)และการปิดบัญชีที่เราซื้อ(หรือขาย) ในขนาดของ order ที่เท่ากันและค่าเงินเดียวกัน ตัวอย่างเช่นในกรณีของ EUR/USD อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1.2812/15, transaction cost เท่ากับ 3 จุดนั่นเอง สูตรในการคำนวณ Transaction Cost คือ Transaction cost = Ask Price – Bid Price

Ask Price
Ask เป็นราคาที่ใช้ในการขายค่าเงินใดๆในตลาดหุ้น Forex ที่ราคานี้ เทรดเดอร์จะ buy base currency และอยู่ด้านขวาของราคาค่าเงิน ตัวอย่าง EUR/USD 1.2812/15 ask price คือ 1.2815 หมายถึงเราสามารถ buy 1 ยูโรโดยใช้เงิน 1.2815 ดอลล่าร์และราคานี้เรียกว่า offer price

Margin
เมื่อเปิดบัญชีแบบมาร์จิ้นใหม่กับ forex โบรกเกอร์ เราต้องฝากเงินไว้กับโบรกเกอร์ด้วย ซึ่งก็จะมีขั้นต่ำแล้วแต่ว่าโบรกเกอร์จะให้ฝากเท่าไหร่ บางโบรกเกอร์อาจจะให้ฝากแค่ 100 เหรียญ และบางโบรกเกอร์อาจจะให้ฝากถึง 100,000 เหรียญ (บางโบรกเกอร์มีเงินจริงเล็กน้อยให้เล่นในบัญชี ซึ่งจะถูกหักกลับเมื่อจะมีการโอนออกครั้งแรก) ในแต่ละครั้งที่คุณเทรดจะคิดเเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินทั้งหมดของบัญชีมาร์จิ้น จะเรียกว่า initial margin requirement ซึ่งขึ้นอยู่กับค่าเงินและราคารวมทั้งขนาดของลอทของคู่เงินนั้นๆที่เราเทรด ซึ่งขนาดของลอทคือขนาดของ base currency ตัวอย่างหากเราเปิดบัญชี mini ซึ่งสามารถใช้ Leverage ได้ที่ 200:1 หรือ 0.5% ของมาร์จิ้นบัญชีแบบ Mini สามารถเทรด mini lot ได้ ถ้าให้ 1 mini lot เท่ากับ 10,000 เหรียญ เราจะต้องใช้มาจิ้นเท่ากับ 50 เหรียญ ($10,000 x 0.5% = $50)

Bid Price
Bid เป็นราคาตลาดที่ใช้ในการซื้อค่าเงินในตลาดหุ้น Forex ณ.ราคานี้ เทรดเดอร์ใช้ในการ sell base currency จะแสดงอยู่ทางด้านซ้ายของราคาค่าเงิน ตัวอย่างในคู่ GBP/USD 1.8812/15, bid Price คือ 1.8812 หมายถึงเรา sell 1 ปอนด์แล้วเราจะได้เงิน 1.8812 ดอลล่าร์

การเทรด forex ไม่ใช่หนทางไปสู่ความร่ำรวยมั่งคั่งจริงหรือไม่

forex ไม่ใช่หนทางไปสู่ความร่ำรวยมั่งคั่ง !
- การเทรด forex เป็นทักษะ และต้องใช้เวลาในการเรียนรู้

forex2-9

นักเทรดที่มีทักษะที่ดีสามารถทำเงินได้จากการเทรด อย่างไรก็ตามก็เหมือนอาชีพอื่นๆความสำเร็จไม่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืน การเทรด forex ไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ(เหมือนที่คนบางคนเชื่อ) ลองคิดดูว่าถ้าทุกคนที่เทรดจะได้เป็นเศรษฐีกันหมด ทำไมระดับมืออาชีพที่เทรดมาหลายปีก็ยังต้องขาดทุนอยู่บ้าง

- ท่องไว้ในหัวของคุณเสมอ : ไม่มีทางลัดในการเทรด forex

มันใช้เวลานานและนานและนานยิ่งกว่าอย่างอื่นในการที่เราจะกลายเป็นมืออาชีพ ไม่มีตัวสำรองให้เปลี่ยน เมื่อเรารู้สึกเหนื่อยและคิดว่างานนั้นยากในการฝึกเทรดเดโมและการเล่นเงินปลอมแล้วคิดว่าเป็นเงินจริง

  อย่าพึ่งเปิดบัญชีเงินจริงจนกว่าคุณจะเทรดแล้วได้กำไรในบัญชีเดโม

ถ้าคุณไม่สามารถรอให้คุณทำกำไรในบัญชีเดโมได้ อย่างน้อยคุณก็ต้องลองเทรดเดโมซักสองเดือน อย่างน้อยคุณก็จะไม่เสียเงินจริงไปอย่างน้อยสองเดือน ถ้าแค่สองเดือนคุณยังเทรดเดโมไม่ได้กำไร ก็เลิกเล่นซะ

  - จำไว้ว่า เล่นคู่หลักๆซักคู่หนึ่ง
มันยากที่จะเทรดด้วยการเทรดหลายค่าเงิน เมื่อตอนที่คุณกำลังหัดเล่นเล่นแค่คู่หลักๆ คู่เดียวพอ เพราะค่า spread ก็จะถูกด้วย

คำศัพท์ต่างๆที่ใช้บ่อย

ค่าเงินหลัก ค่าเงินรอง

ค่าเงินหลักที่มีการเทรดมากที่สุด (USD, EUR, JPY, GBP, CHF, CAD, NZD, AUD) เรียกว่า major currencies ค่าเงินอื่นๆเรียกว่า minor currencies ไม่ต้องสนใจ minor currencies มาก ส่วนใหญ่จะเฉพาะคนที่เล่นมานานแล้วเท่านั้น ในที่นี้ส่วนใหญ่จะพูดถึง Fab Five (USD, EUR, JPY, GBP, CHF) ค่าเงินเหล่านี้มีสภาพคล่องสูงและน่าดึงดูดให้เทรดมากที่สุด